หากว่าเอ่ยถึงสีพ่นรถยนต์ หลายๆ คนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี โดยสีเหล่านี้จะเป็นสีที่มาจากโรงงาน และมีลักษณะของสีตรงกันกับรถยนต์แต่ละรุ่นเลยก็ว่าได้ โดยสี 1K จะเป็นสีที่มีเนื้อสีอย่างเดียว หากต้องการนำมาใช้งานจะต้องทำการผสมกับตัวทำปฏิกิริยาเคมีก่อน ส่วนสี 2k คือสีที่มีการผสมสารเร่งปฏิกิริยาเคมี และสีจะแห้งเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละยี่ห้อนั่นเอง โดยวิธีการเลือกสีพ่นรถยนต์มีดังต่อไปนี้ 

1.เลือกตามลักษณะการใช้งาน 

หากว่านำรถยนต์ไปทำสีหลายๆ คนอาจจะเคยเห็นช่างใช้สีพ่นหรือสีสเปรย์ โดยสีแต่ละแบบมีการแบ่งออกเป็นสองลักษณะตามการใช้งาน ดังนั้นควรตรวจสอบได้เป็นอย่างดีว่าสีที่ซื้อมาเหมาะกับการใช้งานในลักษณะใดกันแน่ เพื่อจะได้สามารถนำมาใช้งานได้คุ้มค่าที่สุด โดยสีแบบพ่นจะเหมาะสมกับการทำสีบริเวณกว้างหรือใช้ทำสีรถทั้งคัน อัตราส่วนของสีที่ใช้ควรแม่นยำและเพียงพอต่อพื้นที่ในการพ่น และพิจารณาในเรื่องของปริมาณเป็นหลัก สีแบบแต้ม เหมาะกับการเก็บรายละเอียดและริ้วรอยขนาดเล็ก และสามารถนำมาใช้กับชิ้นส่วนในรถได้บางชิ้น จึงต้องทำการตรวจสอบให้ละเอียดว่าสีที่ใช้แต้มเป็นสีแบบเดิมที่อยู่บนผิวรถหรือไม่ 

2.เลือกแบบที่มีบรรจุภัณฑ์ปิดมิดชิด 

หากว่าต้องการให้สีพ่นรถของคุณมีคุณภาพและใช้งานได้แบบยาวนาน ควรเลือกสี 2K ที่มีบรรจุภัณฑ์มิดชิดเพราะจะช่วยในการคงคุณภาพของสีไว้ได้ดีมาก และป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายต่อเด็กเล็ก โดยสีพ่นรถบางยี่ห้อจะมีส่วนผสมของสารเคมีที่ส่งผลเสียต่อชั้นบรรยากาศ หากว่าเก็บในบรรจุภัณฑ์ที่ปิดไม่ได้อาจส่งผลเสียต่อคนรอบตัว 


3.คุณสมบัติของการแห้งเร็ว 

การทำสีรถจะต้องใช้เวลา โดยเฉพาะสี 2K เพราะว่าเป็นสีที่แห้งช้า และขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาเคมีที่เกิดจากส่วนผสมของในแต่ละยี่ห้อนั่นเอง อย่างไรก็ดีปัจจุบันนี้สีชนิดนี้ได้มีการพัฒนามาแล้วว่าสามารถแห้งได้เร็ว หากต้องการให้รถสวยในเวลาไม่ช้าไม่นาน ควรตรวจสอบคุณสมบัติของสีที่นำมาใช้ก่อนเสมอ และต้องตรวจสอบว่าสีที่นำมาใช้งานนั้นยึดติดกับพื้นผิวดีมากหรือน้อยแค่ไหน เพื่อจะได้ไม่ทำสีรถบ่อยๆ นั่นเอง 

และนี่ก็คือเรื่องน่ารู้ของสีพ่นรถยนต์จะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะเลือกการพ่นสีรถยนต์ที่ดีและมีคุณภาพ สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีสำหรับคนที่อยากเติมเต็มความใหม่ให้กับรถยนต์ของคุณเอง เพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะเหมาะสมกับการเติมเต็มความใหม่ให้กับสีรถได้อย่างแท้จริง